มารู้จักกับสารน้ำมันในการกำจัดศัตรูพืชกัน
สารน้ำมันสามารถกำจัดแมลงได้เพราะหยดน้ำมันที่ตกลงบนตัวของแมลงจะไปอุดรูหายใจที่อยู่ด้านข้างลำตัวของแมลง ทำให้แมลงหายใจไม่ออก ขาดออกซิเจน อ่อนแอและตายในที่สุด นอกจากนี้น้ำมันยังสามารถซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อประสาทของแมลง ทำให้ขบวนการทางสรีระของแมลงไม่ปกติ ถ้าแมลงอยู่ในระยะไข่น้ำมันจะซึมเข้าไปในไข่ ทำให้เปลือกไข่อ่อนตัวลง ฆ่าไข่ให้ตายและรบกวนการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฟักออกเป็นตัวหนอนได้ นอกจากนี้สารน้ำมันที่เกาะติดที่ใบพืชยังมีผลในการไล่แมลง รบกวนการวางไข่ และการกินอาหารของตัวหนอนและไรอีกด้วย แมลงจะไม่กินหรือวางไข่บนพืชที่พ่นเครื่องพ่นยาสารน้ำมัน นอกจากนี้สารน้ำมันยังยับยั้งการงอกของสปอร์เชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคพืชบางชนิด เช่น โรคราแป้ง ราดำ ใบไหม้ ใบจุด ใบจุดสีม่วง เมลาโนส เป็นต้น โดยการเคลือบสปอร์ไว้ทำให้สปอร์ขาดความชื้นและหยุดพัฒนา
ศัตรูพืชที่เป็นเหยื่อของสารน้ำมันจะเป็นพวกที่มีขนาดเล็ก เคลื่อนไหวช้าหรือพวกที่ไม่ชอบเคลื่อนไหว มักเกาะนิ่งอยู่กับที่ตามส่วนต่างๆของพืชโดยเฉพาะพวกเพลี้ยต่างๆ ทั้ง เพลี้ยหอย เพลี้ยอ่อน เพลี้ยไก่แจ้ ไรแดง ไรสนิม นอกจากนี้หนอนต่างๆ ทั้ง หนอนชอนใบ หนอนเจาะสมอฝ้าย หรือด้วงต่างๆ รวมทั้ง แมลงวันทอง แมลงหวี่ขาว ก็ใช้ได้ผลดีเช่นกัน โดยจะใช้ได้ผลดีมากกับแมลงที่มีขนาดเล็ก ระยะไข่หรือหนอนวัยแรก นอกจากนี้ยังพบว่าสารน้ำมันสามารถกำจัดโรคใบจุด ราสนิม ราแป้งได้ดีอีกด้วย
สารน้ำมันที่ใช้ทางการเกษตรควรเลือกใช้สารน้ำมัน natural oil เช่น สารน้ำมันประเภทพาราฟินิค ออยล์ หรือพาราฟิน ออยล์ ปิโตรเลียม ออยล์ สารน้ำมันสามารถจับยึดและเกาะติดผิวพืชได้มากกว่า จึงช่วยลดการสูญเสียที่เกิดจากการฉีดพ่นได้ดี และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ช่วยให้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช แตกตัวได้ดีในน้ำ เมื่อฉีดพ่นจะทำให้ตกกระจายลงบนใบพืชอย่างสม่ำเสมอและทั่วถึง จึงช่วยให้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยยืดระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของสารเคมีให้นานขึ้น และป้องกันการถูกชะล้าง การระเหยของสารเคมีอีกด้วย สามารถสลายตัวโดยธรรมชาติจึงปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม ผู้ใช้และผู้บริโภค
ข้อดีของการใช้น้ำมันปิโตรเลียม
1. ช่วยป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชแทนยาฆ่าแมลงได้ดี ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม
2. เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์จึงช่วยป้องกันเชื้อราได้ทางอ้อม
3. มีคุณสมบัติเป็นสารจับใบทำให้พืชมีการดูดซึมได้ดีขึ้น
3.1 ช่วยในการแผ่กระจายของสารที่ใช้ผสมอย่างสม่ำเสมอ
3.2 เป็นตัวนำพาที่ดีในการนำสารที่ใช้เข้าไปยังผิวและปากใบพืช
3.3 ป้องกันการระเหยของสารทำให้สารเกาะติดกับเนื้อเยื่อพืชได้นาน
3.4 ป้องกันการระเหยของสารจาก ความร้อนในตอนกลางวันและการชะล้างจากน้ำค้างในตอนกลางคืน รวมถึงกรณีฝนตกได้ดี
สำหรับท่านที่สนใจ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10200906061973436&set=gm.301817519973251&type=1&theater
ติดตามความรู้ด้านการเกษตรดีๆได้ที่ กลุ่มเกษตรก้าวใหม่ cr.Rakkaset Nungruethail