มะเขือพวง...พืชผักมากสรรพคุณ อีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจที่น่าลงทุนของ ชาวอีสาน
มะเขือพวง เป็นพืชคู่ครัวคนไทยมาช้านาน แม้จะไม่ใช่พืชผักหลักที่ใช้ประกอบอาหารแต่เป็นพืชผักที่แต่งเติมความอร่อยให้กับอาหารหลากเมนู ไม่ว่าจะเป็น แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด แกงป่า ผัดเผ็ด และเมนูสุดฮอตอย่างน้ำพริกกะปิ ตำหรับอาหารที่สืบทอดมาแต่โบราณ บรรพบุรุษของเรา มิได้คำนึงถึงรสชาติเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองไปถึงสรรพคุณของพืชผัก แต่ละชนิดเป็นส่วนสำคัญอีกด้วย สรรพคุณอันวิเศษของมะเขือพวงที่บางคนอาจไม่เคยรู้ก็คือ ช่วยลดอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวาน มีเส้นใยที่ช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินได้ดีเยี่ยม "มะเขือพวง" ยังมีสรรพคุณตามตำราแพทย์แผนโบราณหลายประการ เช่น ช่วยเจริญอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี แก้ปวด บวม อักเสบ ขับปัสสาวะและอื่นๆ
ด้วยความที่เป็นพืชผัก การปลูกผักที่ได้รับความนิยมบริโภคและมีความต้องการของตลาด จึงทำให้มะเขือพวงมีการปลูกเป็นการค้าอย่างเป็นล่ำเป็นสันเช่นเดียวกับพืชอื่นๆ หลายพื้นที่เป็นแหล่งปลูกมะเขือพวงแหล่งใหญ่ เช่นเดียวกับ ที่ อ. กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ที่นี่ชาวบ้านมีการปลูกมะเขือพวงขายกันเป็นอาชีพมานานค่ะ
มะเขือพวงปลูกและดูแลง่าย
คุณศิริชัย แก้วสง่า เป็นอีกคนหนึ่งที่ปลูกมะเขือพวงมานาน คุณศิริชัยเล่าว่า อาชีพหลักของชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และทำไร่มันสำปะหลัง ส่วนมะเขือพวงเป็นพืชเสริมรายได้ที่ชาวบ้านนิยมปลูกกัน เพราะปลูกง่าย ใช้เครื่องมือการเกษตรไม่เยอะ และสร้างรายได้ดี
คุณศิริชัยเล่าให้เราฟังถึงเทคนิคการปลูกมะเขือพวงว่า ก่อนปลูกก็จะเตรียมแปลงโดยไถตากดินไว้ก่อน หลังจากนั้นก็เพาะเมล็ดพันธุ์ (ใช้เมล็ดพันธุ์ ตราศรแดง ) ประมาณครึ่งเดือนจึงนำต้นกล้าไปปลูกในแปลง แปลงนี้คุณศิริชัยปลูกแซมลงไปในสวนยางอายุปีเศษๆ ต้นยางยังไม่โตและสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างระหว่าต้นยางได้อีกด้วย พื้นที่ปลูกมะเขือพวงประมาณ 3 ไร่ จำนวน 1,500 ต้น
หลังจากปลูกไปได้ 15 วัน ก็จะเริ่มให้ปุ๋ยครั้งแรก ปริมาณน้อยๆก่อน ช่วงแรกเร่งต้นก็ใช้สูตร 25-7-7 ประมาณ 20 กรัม/ต้น แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ให้ปุ๋ยห่างกันประมาณ 15 วัน/ครั้ง 1,500 ต้นนี่ช่วงต้นเล็กก็จะหมดปุ๋ยประมาณ 50-100 กก. เมื่อถึงระยะออกดอกติดลูกจะเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ช่วงนี้จะเป็นช่วงบำรุงลูกให้ออกดกและลูกโต จึงให้ปุ๋ยค่อนข้างมากหน่อย ประมาณ 2 กระสอบ/ครั้ง และเพิ่มปริมาณให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดต้นที่โตขึ้น
นอกจากนี้ยังเสริมด้วยปุ๋ยน้ำทางใบและใช้เครื่องพ่นยาพ่นด้วยธาตุอาหารเสริมในกลุ่มแคลเซียม-โบรอน เพื่อช่วยให้มะเขือพวงติดลูกและลูกโต ซึ่งจะฉีดพ่นทุก 7-10 วันตามจังหวะ และพ่นสาหร่ายทะเลช่วยด้วยเมื่อต้นโทรมและกระตุ้นการออกดอกให้ดกขึ้นด้วย ส่วนการให้น้ำนั้นจะเดินท่อประปาเข้าไปในแปลงแล้วเจาะท่อใส่หัวเจ็ทสเปรย์เข้าไป ทำให้สะดวกในการให้น้ำ
ในส่วนของโรค-แมลงนั้น คุณศิริชัยเล่าว่า ปัญหาหลัก ๆ ก็คือการยืนต้นตายหรือโรคเหี่ยวของต้นมะเขือพวงที่ยังหาวิธีการแก้ปัญหาไม่ได้ และเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายพื้นที่ที่ปลูกมะเขือพวงลดน้อยลง นอกจากนี้อาจจะพบการระบาดของแมลงหวี่ขาวในช่วงหน้าแล้งที่ทำให้เกิดไวรัสตามมา โดยจะระบาดมากในช่วงแล้ง ซึ่งต้องมีการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงตลอด แต่บางรายควบคุมไม่อยู่ก็เสียหายจากไวรัสเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็จะใช้สารกลุ่มอิมิดาคลอพริด บางช่วงอาจมีหนอนระบาดบ้าง ก็จะพ่นสารเคมีกลุ่มคลอร์ไพรีฟอส ไซเปอร์เมทริน
cr. Rakkaset Nungruethail