การปลูกไผ่ตง
ไผ่ ถูกจัดให้เป็นพืชอเนกประสงค์ และสารพัดประโยชน์ เนื่อง จากส่วนต่าง ๆ ของไผ่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางตรงและ ทางอ้อม อาทิ หน่อสามารถนำมาประกอบอาหาร หรือแปรรูปเป็น หน่อไม้ปี๊บ (ต้มบรรจุปี๊บ) ลำต้นสามารถมาใช้ในการก่อสร้าง เช่น ทำนั่งร้านเครื่องใช้ในครัวเรือน หรือทำเยื่อกระดาษ ใบใช้ห่อขนม ทำหมวก ทำหลังคา กิ่งและแขนงใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ และกิ่งแขนงของ ไผ่ยังนิยมใช้มาเป็นส่วนขยายพันธุ์ พันธุ์ไผ่ที่สำคัญ และเป็นที่นิยม ปลูกในการบริโภค ได้แก่ ไผ่ตง ซึ่งเกษตรกรสามารถปลูกไผ่ตงเป็น อาชีพหลัก หรืออาชีพเสริมก็ได้ เพราะไผ่ตงเป็นไม้โตเร็ว สามารถขึ้น ได้ดีในดินเกือบทุกชนิด และเป็นที่ต้องการของตลาด ทั้งตลาด ภายในและตลาดต่างประเทศ
ปัจจัยจำเป็นที่ต้องใช้
1. พันธุ์ไผ่ตง ไผ่ตง สามารถจำแนกเป็นพันธุ์ต่าง ๆ ได้ 5 พันธุ์ ด้วยกันคือ
"ตงดำหรือตงจีน" เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากที่สุดเนื่องจาก มีรสชาติดี เป็นที่นิยมของผู้บริโภคและตลาดมีความต้องการมาก ให้ ผลผลิตสูง และเป็นพันธุ์ที่นิยมนำมาใช้เป็นตงหมก (ไผ่ตงหวาน) ซึ่ง จะขายได้ราคาสูงกว่าไผ่ตงธรรมดาที่ไม่ได้หมักถึง 2 เท่าตัว
"ตงหม้อหรือตงใหญ่" เป็นพันธุ์ที่มีต้นขนาดใหญ่และมีการ แตกกิ่งแขนงน้อย ทำให้การขยายพันธุ์เป็นไปได้น้อยและช้า การออก หน่อไม่ดก เพราะออกเฉพาะช่วงกลางฤดูฝน และช่วยเวลาที่ออก หน่อสั้นมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ ทำให้ไม่เป็นที่นิยมปลูกมากนัก
"ไผ่ตงเขียว" เป็นไผ่ขนาดกลาง และสามารถทนความแห้งแล้งได้ดี ให้ผลผลิตสูง มีช่วงการออกหน่อกว้างกว่าพันธุ์อื่น คือ จะ ออกหน่อถึง 2 ช่วง คือ ต้นฤดูฝนและระหว่างเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีไผ่ตงออกสู่ตลาดน้อย ทำให้ขายได้ราคาสูง แม้คุณภาพ จะด้อยกว่าไผ่ตงดำ
"ไผ่ตงไต้หวันชนิดใหญ่" หรือมีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "มาจู" และ ไผ่ตงไต้หวันชนิดเล็ก หรือ"ลิ่วจู" ซึ่งหน่อของไผ่ตงทั้ง 2 ชนิดนี้ สามารถ รับประทานดิบๆ ได้เพราะมีรสหวานกรอบ และเนื้อละเอียด
หมายเหตุ การปลูกไผ่ตง พันธุ์ไต้หวัน เช่น ไผ่มาจูจะต้องมี การกลบดินสูงประมาณ 30-40 ซม. ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ก่อนที่จะ แทงหน่อ เพราะหากหน่อถูกแสงแดดกาบจะเป็นสีเขียว มีรสขมและ ไม่สามารถรับประทานได้
2. ดิน
ไผ่ตงจะขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำที่ดี ไม่ ชอบสภาพดินปลูกที่มีน้ำท่วมขัง เพราะถ้าโดนน้ำท่วมขังจะทำให้ราก หน่อ และเหง้าเน่าตายได้ง่าย และดินที่เหมาะกับการปลูกควรเป็น ดินกรดหรือดินเปรี้ยว
หมายเหตุ ถ้าจะปลูกในบริเวณที่ลุ่มมีน้ำท่วมถึงควรทำการ ยกร่องให้สูงพ้นน้ำ
3. ภูมิอากาศ
ไผ่ตงเป็นพืชที่ทนความแล้งได้ดี พื้นที่ที่มี ปริมาณน้ำตั้งแต่ 1,100 มิลลิเมตรขึ้นไป ก็สามารถปลูกได้
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. การเตรียมดิน
ควรทำในช่วงก่อนฤดูฝน โดยกำจัดวัชพืชออกจาก แปลงปลูกให้หมด ไถพรวนดิน 2 ครั้ง ครั้งแรกให้ไถดะตากดินไว้ ประมาณ 2 สัปดาห์ จึงไถพรวนอีกครั้งให้ดินย่อยละเอียด
2. ระยะปลูก
ระยะปลูกของไผ่ตง ควรคำนึงถึงเรื่องพันธุ์และสภาพดิน เป็นหลัก ดังนี้
- ไผ่ตงหม้อหรือตงใหญ่ ต้องใช้ระยะปลูกกว้างกว่าพันธุ์อื่น ระยะที่เหมาะสมคือ 8 x 8 เมตร ไร่หนึ่งปลูกได้ 25 ต้น
-ไผ่ตงดำ ระยะปลูกในพื้นที่ดินดี มีธาตุอาหารพืชสมบูรณ์ ระยะปลูกควรเป็น 8 x 8 เมตร ไร่หนึ่งปลูกได้ 25 ต้น แต่ในสภาพดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ปากกลาง หรือ ต่ำ อาจใช้ระยะ 6 x 6 เมตร ซึ่งต้องมีการปฏิบัติดูแลรักษาอย่างดี โดยการตัดแต่งกอ และให้ปุ๋ย อย่างถูกวิธี
-ไผ่ตงเขียว ระยะปลูกควรเป็น 8 x 8 เมตร หรือ 6 x 8 เมตร สามารถปลูกได้ 35-45 ต้นต่อไร่หมายเหตุ ถ้าในสภาพที่ดิน ไม่ดีนัก ฝนตกไม่สม่ำเสมอ ควรปลูกเฉพาะไผ่ตงเขียวเพราะเป็นพันธุ์ ที่ทนแล้งได้ดีกว่าไผ่ตงดำ
3. วิธีปลูก
ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน เนื่องจากดินจะมีความชุ่มชื้นอยู่ เสมอ โดยการปลูกจะวางกิ่งให้เอียง 45 องศากับพื้นดิน จำทำให้ไผ่ตง แทงหน่อได้เร็วกว่าการปลูกโดยไม่เอียงกิ่งพันธุ์
หมายเหตุ ในการปลูกปีแรก - ปีที่ 3 ควรปลูกพืช แซม เช่น พริก มะเขือ ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมรายได้แล้วยังช่วยเพิ่มธาตุอาหาร แก่ดินอีกด้วย
4. การเก็บเกี่ยว
ไผ่ตงที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป สามารถตัดหน่อออกขายได้ โดยสามารถ ตัดหน่อออกขายได้ทุก 4-5 วัน นิยมตัดหน่อในตอนเช้า เนื่องจากจะ ได้หน่อที่สุด และมีรสชาติหวาน
ตลาด และผลตอบแทน
ในการจำหน่ายหน่อไม้ไผ่ตงสด เกษตรกรจะจำหน่ายให้แก่ พ่อค้าคนกลางจากปากคลองตลาดส่วนหนึ่งและโรงงานหน่อไม้อัด ปั๊บส่วนหนึ่ง โดยในระยะต้นฤดูและปลายฤดู คือ ช่วงมิถุนายนถึง กรกฎาคม และสิงหาคมถึง พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีหน่อไม้ออกสู่ ตลาดน้อย และมีราคาดี อาจมีราคากิโลกรัมละ 10-15 บาท ผลผลิต ส่วนใหญ่จะขายให้กับพ่อค้าคนกลาง ซึ่งจะเสียค่าขนส่งเองเพื่อนำ ไปจำหน่ายให้ผู้บริโภคต่อไป แต่ในระยะที่ไผ่ตงมีหน่อออกสู่ตลาดมาก ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมราคาจะต่ำลง บางครั้งราคากิโลกรัมละ 1.00 - 1.50 บาทในช่วงนี้เกษตรกรจะจำหน่ายให้กับ โรงงานผลิตหน่อไม้ตงอัดบีบ เพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่วนหนึ่ง จะส่งออกต่างประเทศ โดยมีตลาดใหญ่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ไผ่ตงจะ สามารถให้ผลผลิตเต็มที่ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป แต่ละกอมีผลผลิต ประมาณ 30-40 หน่อ และมีน้ำหนักประมาณ 45-80 กิโลกรัม หรือ ใน 1 ไร่ จะมีผลผลิตเป็นน้ำหนักประมาณ 1,125-2,000 กิโลกรัม และตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป เกษตรกรจะเสียค่าใช้จ่ายในการ เพาะปลูกต่อไร่เฉลี่ย 2,790 บาท
แหล่งข้อมูล กรมส่งเสริมการเกษตร