![](https://www.vigotech.in.th/images/column_1408785291/13.jpg)
มาตรการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปเตรียมเสนอ คสช.พินิจพิจารณาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 30,000 ล้านบาท สัปดาห์หน้า เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการรับซื้อและแปรรูปยางพารา ขณะที่ นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการเร่งแปรรูปยาง
ราคายางที่ปรับตัวลดอย่างต่อเนื่อง ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย ระบุว่ามีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้ง ปัญหาค่าเงิน รัฐมีแผนจะระบายยางในสต็อก และปัญหาสำคัญ คือ การกดราคารับซื้อยากจากพ่อค้ายาง
นายอานันต์ ดาโลดม นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐต้องเร่งส่งเสริมการแปรรูปยาง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว และชะลอระบายยางในสต็อก
ขณะที่ นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่ายังไม่มีการระบายในสต็อก หากจะระบายจะมีคณะกรรมการพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับราคายาง
และในสัปดาห์หน้า กระทรวงเกษตรฯ จะเสนอ คสช.พิจารณาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อปล่อยกู้ให้กับสถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการนำเพื่อรับซื้อยางจากเกษตรกรและแปรรูปยาง วงเงิน 30,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง เร่งจัดทำมาตรการโค่นยางแก่ให้เร็วขึ้นปีละ 400,000 ไร่ เป็นเวลา 7 ปี พร้อมกับให้ขยายตลาดซื้อขายยางพาราเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันพ่อค้ากดราคารับซื้อ และในระยะยาวจะมีการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน เช่น ปาล์ม 100,000 ไร่ เกษตรกรจะได้รับเงินอุดหนุนไร่ละ 16,000 บาท
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่าในปี 2557 มียางที่สามารถเปิดกรีดได้เกือบ 16 ล้านไร่ จากพื้นที่เพาะปลูกกว่า 20 ล้านไร่ โดยพื้นที่การปลูกยางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาเริ่มปรับลดลง
สำหรับราคายางเมื่อวานนี้ (19 ส.ค.57) เป็นราคาต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยยางแผ่นดิบที่ตลาดกลางยางพาราหาดใหญ่ อยู่ที่กิโลกรัมละ 51.77 บาท ส่วนยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 54.72 บาท