ช่วยกดแชร์ด้วยนะคะ
แก้วมังกรแหล่งใหญ่ที่ จ.เลย พื้นที่ปลูกกว่า 1,500 ไร่ สร้างรายได้มหาศาล
จากสภาพพื้นที่ของ อ.ภูเรือ จ.เลย ที่มีความสมบูรณ์ทั้งดิน น้ำและอากาศ พื้นที่ราบสลับภูเขาของ อ.ภูเรือ มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี จึงทำให้ที่นี่สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้หลากหลายชนิด โดยพืชเศรษฐกิจสำคัญของที่นี่ คือ ลำไย ลิ้นจี่ ข้าวโพด แก้วมังกร ยางพารา โดยเฉพาะ ที่ ต.ร่องจิก ที่นี่นับเป็นแหล่งผลิตพืชที่มีคุณภาพหลายชนิด
พืชที่มีการปลูกมากและขึ้นชื่อของ ตำบลร่องจิก ก็คือ แก้วมังกร ซึ่งถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกแก้วมังกรมากที่สุดใน จ.เลย สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวตำบลร่องจิกได้เป็นอย่างดี และจากผลตอบแทนที่ดีทำให้เกษตรกรมีการขยายพื้นที่เพิ่มมากขึ้นเรือยๆ โดยเฉพาะตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้มีการขยายพื้นที่กันมาก จนปัจจุบันมีเกษตรผู้ปลูกแก้วมังกรกว่า 483 ราย รวมพื้นที่ปลูกเกือบ 1,500 ไร่
การปลูกแก้วมังกรของที่นี่ เริ่มต้นจาก คุณวิลัยพร ฤทธิศักดิ์ ที่ปัจจุบันคือผู้ปลูกแก้วมังกรรายใหญ่ที่สุดของ จ.เลย กล่าวว่า ก่อนที่จะมาปลูกแก้วมังกรนั้นมีญาติอยู่ที่ จ.สระแก้ว ปลูกได้ผลดี จึงนำแบบอย่างมาปลูกที่บ้าน ต.ร่องจิก เมื่อ 4 ปีที่แล้ว จากแก้วมังกรเพียงไม่กี่ร้อยหลัก และขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันมีแก้วมังกรมากถึง 3,000 หลัก พร้อมทั้งมีชาวบ้านปลูกตามจนทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งปลูกแก้วมังกรแหล่งใหญ่อีกแห่ง คุณวลัยพรบอกว่า เดิมทีชาวบ้านมีอาชีพทำสวนลำไย ปลูกข้าวโพดและทำนากันเป็นหลัก ลำไยเป็นพืชที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแต่ก็ลงทุนสูงและต้องเอาใจใส่ดูแลมาก ต้องพ่นสารเคมีบ่อยลำไยจึงจะให้ผลผลิตที่ดี จึงหันมาปลูกแก้วมังกรเพราะการดูแลต่ำ ลงทุนสูงแค่ช่วงแรกที่ปลูกโดยจะหนักค่าเสาทำค้างและค่าต้นพันธุ์แต่ต้นทุนค่าดูแลต่ำ จึงทำให้สามารถขยายพื้นที่ปลูกขนาดใหญ่ได้
แก้วมังกรจะให้ผลผลิตหลังปลูกเพียง 8 เดือนถึง 1 ปี ผลผลิตประมาณ 30 ผล/ 1 ค้าง ปีที่สอง ประมาณ 50 ผล/ 1 ค้าง ปีที่สามประมาณ 100-200 ผล/ 1 ค้าง ปีที่สี่ ถึง15 ปี จะให้ กว่า 300 ผล/ 1 ค้าง ผลผลิตที่ได้เฉลี่ย 20 กก/.ต้น ส่วนระยะเสาให้ผลผลิตนั้นขึ้นอยู่กับเสาซึ่งซื้อมาเสาละ 100 บาท ว่าจะทนทานนานแค่ไหน หากเป็นเสาปูนจะทนแต่ราคาต้นทุนจะสูง รายได้เยอะแค่ไหนคำนวณกันเอาเองนะคะ
วิธีปลูกแก้วมังกรจะปลูกได้ ประมาณ 130 หลัก/ไร่ ใช้ระยะห่างของการปลูกประมาณ 3 x 3.5 เมตร/หลัก แก้วมังกรเป็นพืชที่ปลูกและดูแลไม่มาก สามารถปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ การปลูกแก้วมังกรของที่นี่จะอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ไม่ได้ทำระบบน้ำ ปลูกในพื้นราบชายเขา การให้ปุ๋ยก็ไม่มาก ปีหนึ่งจะใส่ขี้ไก่ครั้งเดียว ต้นละ 1 กระสอบปุ๋ย ปุ๋ยเคมีก็จะให้ช่วงฝนเพื่อให้น้ำฝนช่วยละลายปุ๋ย ซึ่งก็เป็นช่วงที่แก้วมังกรให้ผลผลิตพอดี โดยช่วงเลี้ยงกิ่งก็จะใช้ปุ๋ยยูเรียหว่านบางๆ ช่วงที่มีลูกก็จะใช้ 15-15-15 ช่วงผลแก่จะใช้ 13-13-21 เพื่อเพิ่มความหวาน ศัตรูแก้วมังกรที่สวนก็จะมี หอย และมด ถ้าเจอก็จะใช้สารเคมีมาหว่านเพื่อกำจัด ปัญหาโรคเน่าก็มีบ้างแต่ยังไม่มาก หากเจอโรคเน่าก็ตัดทิ้งไปและฉีดพ่นสารกำจัดเชื้อราบ้าง ปีที่แล้วแก้วมังกรในเขตนี้เจอปัญหาโรคเน่ากันค่อนข้างมาก แต่ปีนี้เจอกันน้อย
ผลผลิตที่จะได้ ปีแรก จะได้ประมาณ 200 – 300 กก./ไร่ ปีที่สองได้ประมาณ 500 – 2,000 กก. ส่วนการให้ผลผลิตของแก้วมังกร แก้วมังกรจะให้ผลผลิตเก็บได้ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม-ตุลาคม โดยจะให้ผลผลิตเป็นรุ่นๆ แต่ละรุ่นห่างกันประมาณ 1 เดือน ที่สวนจะเก็บผลผลิตต่อรุ่นประมาณ 10-20 ตัน รุ่นสุดท้ายของการให้ผลผลิตเกษตรกรมักจะใช้ยาป้ายตาเพื่อให้แก้วมังกรออกดอกติดผลดีขึ้น เพราะชุดสุดท้ายแก้วมังกรจะให้ผลผลิตน้อย ราคาจะสูง โดยจะป้ายตาในเดือนตุลาคม ประมาณ 45 วัน หลังจากป้ายตา ก็จะสามารถเก็บผลได้ ผลผลิตแก้วมังกรปกติจะออกประมาณ 9 ครั้ง/ปี ถ้าอากาศร้อนจะออกประมาณ 10 ครั้ง/ปี แต่ถ้าอากาศหนาวผลผลิตแก้วมังกรจะออกประมาณ 7 ครั้ง/ปี
ด้านราคาปี 2554 ราคาตกต่ำคือ 10-12 บาท/กก. ในปี 2555 ราคาปรับดีขึ้นคือขายที่หน้าสวน 20 บาท/กก.ขายตามท้องตลาด 25 บาท/กก. โดยช่วงก่อนและปลายฤดูราคาจะดี หน้าสวนราคา 25 บาท/กก. เพราะผลผลิตมีน้อย ปี 56 ราคาแพงขึ้นมาอีก เนื่องจากหลายพื้นที่ผลผลิตน้อย เพราะเสียหายจากโรคผลเน่าของแก้วมังกร ราคาขายหน้าสวน 25 บาท/กก. ขายตามท้องตลาด 30-35 บาท/กก. ผลผลิตส่วนใหญ่จะป้อนตลาดใน จ.เลย จังหวัดใกล้เคียง มีบางส่วนที่ป้อนตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง กรุงเทพฯ โดยจะมีแม่ค้าเข้ามารับซื้อจำนวนมาก โดยแก้วมังกรจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน พ.ค. เป็นต้นไป โดยเดือน มิ.ย.และ ก.ค. ผลผลิตออกมากที่สุด ตอนนี้ราคาสูง จากสวน 25 บาท/กก.
ข้อมูล คุณวิลัยพร เลขที่ 92 หมู่ 3 บ้านร่องจิก ต.ร่องจิกอ.ภูเรือ จ.เลย โทร. 084-7955617
Rakkaset Nungruethail รักษ์เกษตร
ช่วยกดแชร์ด้วยนะคะ