Review ตลับเอ็นตัดหญ้า จากการใช้งานจริง by Alcidini Winery ไร่ไวน์อัลซิดินี่
อย่างที่ทราบๆกันนะครับ ว่าทางไร่เรานั้น ไม่เคยใช่สารเคมีกำจัดหญ้าในแปลงองุ่นจากการใช้คนตัดหญ้าที่คงจะมากกว่าคนทั่วๆไปได้ทำ เราจึงมีโอกาสได้ทดลองตลับเอ็นตัดหญ้าหลายๆรุ่นในท้องตลาดจึงเป็นที่มาของ review นี้ครับ เรียกว่าเราลองผิดลองถูกมานาน ถามคนขายก็มักจะขายของที่ตัวเองกำไรเยอะ หรือสินค้าแพงนั้นแหละครับ
จริงๆแล้วทางไร่เราก็เริ่่มมาจากการใช้ใบแข็ง ด้วยความเชื่อที่ว่า ใบแข็ง หากตัดเป็นอาชีพ และใช้งานชำนาญแล้ว (ไม่โดนโน่นโดนนี่) จะทำให้ตัดได้เร็วกว่า และประหยัดกว่า เราคิดผิดครับ ใบแข็ง (ตามภาพ) นอกจากการใช้งาน ต้องระวังมากกว่าแล้วนั้น ราคาตัวมันเองไม่ถูกเลย เกรดดีๆหน่อย ใบละ ฿ 150-180 แล้ว หนาและทนกว่า พวกใบละ ฿100 ซึ่งไม่ทนเลยครับ เกี่ยวหินนิดหน่อย ใบก็บิ่น แกว่ง ใช้งานไม่ได้ เผลอๆก็มีใบฉีก กระเด็นใส่คนงาน มีเรื่องให้ต้องพาไปโรงพยาบาล
ใบที่ทำจากเหล็ก คิดว่าโดนหญ้าคงตัดได้นานใช่ไหม๊ครับ ผิดครับ ใบนึงๆ ครึ่งวันก็ต้องมาเจีย แม้ไม่โดนหินแต่มันก็สึกตามการใช้งาน ยิ่งเจียยิ่งบาง ยิ่งเล็ก สุดท้ายก็บิ่น
นอกจากนี้แล้ว ใบแข็ง ยังต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อให้ใช้งานได้ ซึ่งบวกราคาเข้าไปอีก เช่นในการหนีบล๊อกใช้ประกับบนล่าง คู่ละ ฿3xx น๊อตล๊อกใส้ไวนิลเกลียวซ้าย ฿30-50 และ ใบแข็ง ทำให้เพลาหัวตัด เสื่อมเร็ว หัวหนึ่งๆของแท้เป็นพันๆ ของเทียบที่ใช้งานได้ดี ก็ ฿800 แน่นอนครับ ทุกชิ้นแถมมากับเครื่องตัดหญ้า แต่ทุกชิ้นที่กล่าวมา เป็นของที่เสื่อมได้ไว เพราะหมุนและถูกับพื้นอยู่เสมอ
สำหรับใบแข็งทรงแปลกๆที่อ้างว่าดีหนักหนา เราก็ลองมาหมดแล้วครับ สรุปให้คร่าวๆ 1.ใบ 3 หรือ 4 แฉก – พอบิ่นใบหนึ่งก็ แกว่ง ใช้งานไม่ได้อยู่ดี 2.จานสปริง ไขน๊อตติดใบ – หญ้าพันจาน 3.ใบเกี่ยวข้าว สวิงได้ – อ้างว่าโดนหินแล้วพับได้ แต่หญ้าพันจานเหมื่อนกัน ไว้ว่างๆจะหารูปมาให้เพิ่มครับ
สรุปใบแข็งก็ลองหมดแล้ว เราก็เลยหันมาดูเอ็นตัดหญ้าบ้าง เริ่มจากแบบนี้ก่อนครับ จานใส่เอ็น (เคยใช้แต่เสียไปหมดแล้ว เลยไปถ่ายมาจากร้าน)
เริ่มจากแบบนี้ก่อนเพราะคิดว่า คงใช้ง่าย ผิดอีกครับ ใช้งานยาก สอดเอ็นก็ยาก สอดไม่ดีเอ็นบินใส่คนตัดอีก หมดแล้วก็ต้องหยุดมาตัดเอ็นใส่กันใหม่ รูเอ็นก็ออกแบบมาเฉพาะ ไม่สามารถใช้เอ็นขนาดต่างๆ หรือ เปลี่ยนทรงเอ็นได้ ( เอ็นตัดหญ้า มีตั้งแต่ขนาด 2.4-3.0mm ทรงกลม และ ทรงเหลี่ยม ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด็นจุดด้อยต่างกัน ไว้จะรีวิวเรื่องเอ็นอีกทีครับ ) เอาไม่เป็นไร เอามาดัดแปลง เอาลวดสลิงมาผูกแทน ก็ดีนะครับ แต่ก็นานๆไป ก็ขาดอยู่ดี แล้วลวดสลิงก็แพงอีก ตัดก็ยาก ผูกก็ยาก ตัวจานมันเองไม่มีเกรียวนะครับ ต้องใช่ประกับ และน๊อตเหมื่อนจานตัด ข้อดีอย่างเดียวคือ ถูกครับ
มาถึงพระเอกของรีวิวครับ กระปุกเอ็นตัดหญ้า หลักการคือ ใส่เอ็นยาวๆหลายๆเมตรไว้ข้างใน พอเอ็นตัดไป เริ่มสั้นก็คลายออกมาทีละนิด ไม่ต้องมาผูกใหม่บ่อยๆ ตัวมันเองมีเกรียวในตัว ไม่ต้องใช้น๊อต ใช้ประกับครับ ประกอบเข้ากับเครื่องก็ง่าย เอามือไขได้เลย เพราะมันจับได้ไม่มีคม ไม่มีน๊อตต้องไข ที่เห็นทั่วๆไปในตลาด ก็อย่างที่เห็นครับ ส่วนมากมาจากจีน จะมี Husqvarna จากสวีเดน ที่ราคาแพงๆด้วยนะครับ ตัวนึง 3พันกว่าบาท แหะๆ แพงเกิน ไม่ได้เอามาเทสให้ กลับมาแบบที่เห็นกันในรูป 4 แบบครับ ตัวแรกหายากหน่อย ผมเรียกว่ารุ่นจานบิน ตัวอื่นๆมีตามท้องตลาด แต่ก็เรียกว่าไม่นิยมครับ (ไม่รู้ทำไม...) บางร้านใหญ่ๆถามหาตลับเอ็นตัดหญ้า ไม่รู้จักด้วย ตัวที่ 2-3 ที่หน้าตาเหมื่อนกัน มันเหมื่อนกันครับ แต่วัสดุต่าง คู่กลางตัวดำ น่าจะทำจาก PE (โพลี่เอ็ทเธอลีน) ตัวส้มน่าจะเป็นพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งเปื่อยเร็วมาก สามตัวซ้ายเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติครับ อันนี้ความรู้จากการใช้งานเลย คนขายยังไม่รู้เลย คือเมื่อตัดไปแล้วเอ็นเริ่มสั้น ระหว่างที่ตลับหมุนอยู่ ก็เอาหัวโหนกโขกพื่น ระบบจะดีดเอ็นออกมาเพิ่มให้ ไม่ต้องหยุดตัด แล้วกดปุ่ม
สำหรับตัวเขียว เป็นแบบอัตโนมือ ต้องหยุด คลายเกรียวตลับ ดึงเอ็นออกมา แล้วก็ไขเกรียวกลับครับ ถ้าลืมไขคืนก็ไม่เป็นไร มันเป็นเกรียวซ้าย เมื่อเครื่องหมุน มันจะหมุนเข้าให้แน่นเอง
Husqvarna ตัวเทพ เป็นแบบอัตโนมัติครับ เมื่อเอ็นสั่น มันจะดีดออกมาเอง สมราคา แต่เกินไปหน่อยนึงครับ
มาดูด้านข้างหน่อยครับ รูปล่อยเอ็น มีความสำคัญกับความสั้นของหญ้าที่ตัดได้ครับ จะเห็นได้ว่ารุ่นจานบิน รูต่ำที่สุด แล้วถ้ารุ่นอื่น เอียงตัดไม่ต่ำกว่าหรือ ต่ำกว่าครับ แต่โอกาสเอ็นจะโดนพื้นก็เยอะกว่า โดนบ่อยๆก็ขาดครับ ถัดมาคือ fairlead หรือ ตาไก่ที่ไม่ให้เอ็นนั้น ตัดตัวตลับซะเอง จะเห็นได้ว่า ตาไก่ ของจานบิน และตัวเขียว หนากว่าเพื่อน และ ตาไก่ของรุ่นจานบิน และตัวเขียวถอดได้ครับ ข้อดีคือ ถ้าตัวนึงเสีย รื้อไปทำอะไหล่ได้ แต่ก็ทำให้มีโอกาสหลุดหายได้เหมือนกัน
มาดูรูร้อยเอ็นกันบ้าง อันนี้มาจาก รุ่นตัวดำและตัวส้ม เป็นหูพลาสติกร้อยครับ ใส่ได้เต็มที่แค่เอ็นขนาด 2.5mm ทรงกลม
นอกจากจะใส่ได้ไม่กี่แบบแล้ว มันยังฉีกขาดง่ายอีก ตัวส้มซึ่งพลาสติกไม่ดี ฉีกง่ายกว่านี้อีก
รุ่นตัวเขียว ใช้น๊อตเสียบทะลุเอา ใช้ได้ดีในระดับนึงเลยครับ
รุ่นจานบิน ใช้เป็นร่องบากเอา ใส่ง่าย ใส่แบบไหน เบอร์ไหนก็ได้ครับ ทนด้วย เพราะร่องบากใหญ่มาก ไม่ฉีกง่ายแน่นอน
หลังจากร้อยเอ็นมาแล้ว ขั้นตอนประกอบกลับ ตัวเขียว ประกอบไม่ยากมากครับ แต่ด้วยดีไซน์เค้า มันต้องถอดทั้งตัวออกมาประกอบให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไขคืน ซึ่งผมถือว่าดีไซน์ไม่ดีครับ ตัวดำ และ ตัวส้ม ประกอบยากมากกกกกก ขนาดสอนคนงานแทบตาย คนงานก็ใส่ไม่เป็น ไม่ใช่อะไรผมใส่เองยังยากเลย ดีไซน์แย่ที่สุด ดีไซน์เค้า มันต้องถอดทั้งตัวออกมาประกอบให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไขคืน ไอ้ตอนใส่คืนก็ต้องยัดทั้งเอ็นในตลับ เอ็นที่ยื่นออกมา และสปริงทั้งหมดเข้าไปพร้อมกัน ยากมาก เอามือบีบอย่างแรงกว่าจะเข้า
รุ่นจานบิน ใส่สุดยอดจะง่ายครับ ไม่ต้องยัดไม่ต้องฝืนไดๆ ใส่เข้าร่องมันก็อยู่ของมันเอง
และที่สำคัญ รุ่นจานบิน ใส่ในทั้งหมดอยู่ที่ฝาครับ ไม่ต้องถอดตลับออกจากเครื่องตัดก็เติมเอ็นได้
ถึงจุดนี้ สรุปให้สั่นๆครับ ตลับรุ่นจานบิน ดีสุดๆ จับคู่กับเอ็นดีๆ หญ้าท่วมหัวก็ตัดเรียบบบบ แค่มันหายากแค่นั้นเอง ตามร้านมีตัว 2 ตัว
เกลี้ยงเชียว ทีนี้อยากได้ตลับจานบินเพิ่ม ทำไงหละ
ในที่สุดก็หาเจอ เลยสั่งมาซักโหลเลย ต้องขอบคุณ Clinton Intertrade Co.,Ltd. และ เครื่องมือเกษตร Vigotech ตัวแทนนำเข้าด้วย ที่นำของดีๆมาให้ผมใช้ครับ สนใจติดต่อได้ที่ http://www.vigotech.in.th/index.php?lay=show&ac=cat_showcat&l=2&cid=89477
เครดิต Alcidini Winery ไร่ไวน์อัลซิดินี่