คำถาม การปลูกพืชคลุมดินมีประโยชน์อย่างไร และมีพันธุ์อะไรบ้างครับ ขอทราบวิธีปลูกด้วยครับ
คำตอบ พืชคลุมดิน คือพืชที่ปลูกหรือหว่านให้มีการเจริญเติบโตอย่างหนาแน่น มีใบหนา มีระบบรากแน่นสำหรับคลุม หรือยึดดิน หรือเจริญคลุมพืชทุกอย่างที่อยู่บนดิน เพื่อช่วยให้ดินมีสิ่งรองรับ ลดแรงปะทะ และลดการพัดพาจากกระแสน้ำและกระแสลม
ประโยชนของพืชคลุมดิน ช่วยป้องกันการชะล้างหน้าดิน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ความลาดเอียง เมื่อฝนตกหนักจะช่วยรองรับแรงปะทะของเม็ดฝนทำให้ความเร็วลดลงก่อนที่จะทำให้ดินถูกพัดพาไปที่อื่น ช่วยลดความเร็วและการกระจายของการไหลน้ำที่ไหลบ่าบนผิวดิน จึงทำให้น้ำซึมลงไปในดินได้ มากขึ้น ช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน เมื่อมีการไถกลบต้น เถา หรือใบของพืชคลุมร่วงหล่นลงไปในดิน ถ้าเป็นพืชคลุมดินที่เป็นพืชตระกูลถั่ว จะสามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศมาใช้ประโยชน์ เพิ่มเติมให้แก่ดิน ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินไว้ให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ช่วยต่อต้านขัดขวางการเจริญเติบโตของพืชที่ไม่ต้องการ เช่น หญ้าคา และวัชพืชต่างๆ รากของพืชคลุมดินช่วยทำให้ดินโปร่ง มีช่องอากาศมากขึ้น สามารถระบายน้ำได้ดี
วิธีการปลูกพืชคลุมดิน โดยปลูกให้เจริญเติบโตอยู่บนดินในระยะที่ไม่มีการปลูกพืชหลัก ปลูกโดยวิธีหว่านลงไปในระหว่างแถวของไม้ยืนต้น ซึ่งนิยมทำกันมากในสวนยางและสวนผลไม้ และปลูกตามแปลงปลูกพืชบนคันดิน หรือตามขั้นบันไดดินบนทางระบายน้ำ
การคัดเลือกชนิดของพืชคลุมดิน ต้องเป็นพืชที่มีอายุหลายปี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องปลูกบ่อยครั้ง เป็นพืชที่มีรากแน่นแผ่สาขาออกไปได้มาก จะช่วยยึดเหนี่ยวเม็ดดินให้ติดกัน ไม่พังทลายได้ง่าย ควรเป็นพืชที่ทนต่อสภาพแวดล้อม สามารถเจริญเติบโตได้ดี ทั้งกลางแจ้งและในร่ม เป็นพืชที่ทนต่อโรคและแมลง ถ้าเป็นพืชตระกูลถั่วจะช่วยเพิ่มธาตุไนโตรเจนให้แก่ดินได้ดี
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พืชคลุมดินที่นิยมปลูกทั่วไป เช่น
1.ถั่วลาย เป็นถั่วที่มีใบค่อนข้างเล็ก ใบดก เถาหนาแน่น ทนทานต่อความแห้งแล้งตลอดปี โตเร็ว เถาค่อนข้างเหนียวมาก เน่าเปี่อยช้า มีปมที่รากมาก
2.คุดซู เป็นถั่วที่มีใบใหญ่หนา เถาใหญ่ และเถาเป็นขน เถาเปราะ เน่าเปื่อยเร็ว ทนทานต่อ ความแห้งแล้งปานกลาง ในฤดูแล้งต้นจะโทรมแต่ไม่ตาย เจริญเติบโตช้ามาก อายุ 10-12 เดือน จึงจะคลุมดินทั้งแปลง ใบจะหนา และแข็งแรง สามารถปกคลุมหญ้าได้ดีมาก
3.คาโลโปโกเนียม เป็นพืชตระกูลถั่วชนิดเถาเลื้อยคลุมไปตามผิวดิน เมล็ดเล็กแบนสีน้ำตาลอ่อน เจริญเติบโตได้รวดเร็วมาก คลุมดินได้อย่างแน่นหนา ภายในเวลา 5-6 เดือน มีอายุสั้น เมื่อแล้งจัดอาจตายได้ ปลูกโดยใช้เมล็ดใน อัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อไร่ เมล็ดที่ปลูกจะงอกภายใน 1 สัปดาห์ และออกดอกภายใน 3-5 เดือน หลังจากนั้นอีก 3 เดือน จะเก็บเมล็ดได้
4.หญ้าเบอรมิวดา หรือหญ้าแพรก เป็นหญ้าค้างปี ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในประเทศไทย เจริญเติบโตได้รวดเร็ว โดยอาศัยลำต้นบนดิน และไหลที่อยูใต้ดิน ลักษณะลำต้นเล็ก ใบเล็กละเอียดอ่อนเป็นฝอย ปลูกง่าย โดยใช้ลำต้นหรือเหง้า ถ้าหากดินมีความชื้นดีพอ ภายใน 10 วัน ก็จะตั้งตัวได้ ระยะเวลา 1 เดือนแรก เจริญเติบโตได้หนาแน่นบนดิน ในหน้าแล้งหญ้าชนิดนี้ จะแห้งเหี่ยวและพักตัวอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อได้น้ำฝนจะงอกต้นขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว
การบำรุงรักษา ในระยะแรกของการปลูกพืชคลุมดิน จะมีบางส่วนที่ปลูกไม่ขึ้นหรือตาย ควรปลูกซ่อมบริเวณนั้นโดยเร็ว และต้องคอยหมั่นกำจัดวัชพืชจนกว่าพืชคลุมดิน จะขึ้นคลุมดินทั่วทั้งแปลงปลูก เมื่อพืชคลุมดินเจริญเติบโตมากขึ้น จะมีเถาเลื้อย บางส่วนเลื้อยคลุมเข้าไปบริเวณไม้ยืนต้น หรือพืชหลัก ควรหมั่นตลบเถาพืชคลุมดินอย่าให้เข้าไปปนกับพืชหลัก ควรใส่ปุ๋ยในระยะแรก เพราะจะทำให้พืชคลุมดินโตเร็ว เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการปราบวัชพืช หลังจากพืชคลุมดินงอกแล้ว 1-3 สัปดาห์ ถ้าเป็นพืชคลุมดิน ประเภทตระกูลถั่ว ควรใช้ปุ๋ยฟอสเฟตร่วมกับปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ สูตร 0-15-15 ในอัตรา 10 กก./ไร่ และควรหว่านยิปซัมลงไป เพื่อเพิ่มธาตุอาหารแคลเซียมและซัลเฟอร์ ในอัตรา 10 กก./ไร่ ถ้าเป็นพืชตระกูลหญ้า ควรใช้ปุ๋ยยูเรีย หรือแอมโมเนียมซัลเฟต ในอัตรา 10 กก./ไร่
ที่มา นาย รัตวิ http://www.naewna.com/local/195824